นโยบายความเป็นส่วนตัว

 

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน จำกัด

เริ่มประกาศใช้ 1 มิถุนายน 2565

         บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน จำกัด ต่อจากนี้ เรียกว่า “บริษัทฯ” ตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยให้ความสำคัญในการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกท่านให้มีความปลอดภัย

         บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งรายละเอียดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และผู้ใช้บริการระบบที่ให้บริการของบริษัทฯ ตามวิธีการที่ชอบด้วยกฏหมายและเหมาะสม ภายใต้การรับรู้หรือความยินยอมของเจ้าของข้อมูล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. นโยบายนี้มีผลบังคับใช้กับใครบ้าง

      นโยบายนี้ครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทฯ ได้รับหรือจะได้รับจากลูกค้าบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ที่มาใช้บริการแลกเปลี่ยนเงิน และผู้ใช้บริการระบบ ที่บริษัทฯให้บริการผ่านสาขา  เว็บไซต์ โทรศัพท์ ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ รวมถึงบุคคลใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทฯ ตัวอย่างเช่น บุคคลอ้างอิง หรือบุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน, คู่ค้า , ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ เป็นต้น

2. ข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

2.1      ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) คือ ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือของบุคคลอื่น ที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทฯ หรือที่บริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงโดยท่าน แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม

2.2.     ข้อมูลที่เก็บรวบรวม คือ

2.2.1.  ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานภาพทางการสมรส สัญชาติ เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ

2.2.2.  ข้อมูลติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ ไอดีไลน์ เป็นต้น

2.2.3.  ข้อมูลความเป็นเจ้าของกิจการ เช่น หนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เป็นต้น

2.2.4.  ข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรม เช่น เลขที่บัญชีธนาคาร เลขที่บัตรเครดิต ข้อมูลแหล่งที่มาของเงิน ประวัติการทำธุรกรรมและวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ

2.2.5.  ข้อมูลอื่นๆ เช่น Cookie ID, ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด ระหว่างการมาทำธุรกรรมที่จุดบริการ เป็นต้น

2.3      ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) หรือข้อมูลอื่นใดในทำนองเดียวกันที่กฎหมายกำหนด เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ ข้อมูลภาพนิ่ง-ภาพเคลื่อนไหวที่ได้จากการบันทึกในกล้องวงจรปิด ณ จุดบริการของบริษัทฯ หรือสาขา ซึ่งบริษัทฯ ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามที่กฎหมายอนุญาต

3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

3.1      บริษัทฯ จะรวบรวมข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้ขณะใช้บริการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือทำธุรกรรมออนไลน์ ไม่ว่าช่องทางใดๆ ก็ตาม และข้อมูลการร่วมกิจกรรมต่างๆ บนสื่อออนไลน์ของบริษัทฯ หรือข้อมูลที่ได้จากการที่ท่านติดต่อกับบริษัทฯ หรือทีมงานของบริษัทฯ

3.2      เมื่อท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัทฯ ท่านขอยืนยันว่าท่านได้แจ้ง และได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล เพื่อการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ซึ่งจะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ต่อไป

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทฯ ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูล ดังต่อไปนี้

4.1      เพื่อการพิจารณา และปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทยในการยืนยันตัวบุคคลระหว่างท่านกับบริษัทฯ ซึ่งหมายรวมถึงขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็น เช่น การติดต่อเพื่อเข้ารับเอกสารและข้อมูลจากท่านสำหรับประกอบการทำธุรกรรม

4.2      เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับของหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทฯ เช่น กฎหมายการป้องกันและการปราบปรามการฟอกเงิน และกฎหมายว่าด้วยการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายภาษีอากร ที่บริษัทฯ จำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งในและนอกประเทศ

4.3      เพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูล และใช้ข้อมูลเพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์  และ/หรือ การนำเสนอบริการ ผลิตภัณฑ์ใดๆ ของบริษัทฯ เพื่อนำมาพัฒนา ปรับปรุง ด้านการตลาด ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

4.4      เพื่อดำเนินการตามคำขอ ที่ท่านเป็นผู้ยื่นคำร้องขอแก่บริษัทฯ เอง

4.5      เพื่อการนำส่งใบเสร็จรับเงิน จดหมาย และ/หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายรวมถึงการนำส่งในรูปแบบสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ (SMS, Email)

4.6      เพื่อปกป้องผลประโยชน์โดยชอบของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การรักษาความปลอดภัยของสถานที่ และทรัพย์สิน การวิเคราะห์ข้อมูล การรับประกันคุณภาพของบริการ การตรวจสอบของผู้ตรวจสอบทั้งภายในและภายนอก การรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่าย และความเสี่ยง

4,7      เพื่อการจัดการข้อร้องเรียนที่ท่านมีต่อบริษัทฯ

4.8      เพื่อการจำเป็น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัทฯ ซึ่งจะไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน หรือสิทธิทางเสรีภาพของท่าน

      บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่าน กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ขอความยินยอม หรือบริษัทฯ ไม่มีเหตุผลให้ใช้ฐานการประมวลผลข้างต้นเพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมมาจากท่านได้

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าจะมีสภาพเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ภายใต้ขอบเขตที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ หรือการให้บริการอันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เท่านั้น โดยบริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลแก่

5.1    คู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งอาจมีสถานะเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามการให้บริการแก่ท่าน

5.2    ผู้ให้บริการ หมายถึง นิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ที่บริษัทฯ พิจารณาแล้วว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการให้บริการแก่ท่าน ซึ่งผู้ให้บริการที่บริษัทฯ มีการใช้บริการอยู่ เช่น ผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในฐานะ แฟรน์ไชส์ของบริษัทฯ รวมถึงสาขาของบริษัทฯ ผู้ให้บริการจัดเก็บเอกสาร ผู้ให้บริการจัดพิมพ์เอกสาร ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร เป็นต้น

5.3    หน่วยงาน หรือ บุคคลอื่นใด ที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สถานีตำรวจ ศาล กรมบังคับคดี และหน่วยงานอื่นๆ ที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งข้อมูลตามกฎหมาย

6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

      บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ ส่งหรือโอนข้อมูลไปยังผู้รับข้อมูลอื่น เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจัดเก็บไว้บน Server หรือ Cloud ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาให้มั่นใจได้ว่าประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด

7. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ ตามระยะเวลาที่จำเป็น ในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัทฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายบริษัทฯ ฉบับนี้ และเพื่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และการกำกับดูแล เช่น กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ให้บริษัทฯ จัดเก็บข้อมูลของท่านไว้เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ท่านสิ้นสุดสัญญากับบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯ ใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรืออยู่ระหว่างกระบวนการตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้หากบริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป บริษัทฯ จะลบข้อมูลนั้นออกจากระบบ และ/หรือดำเนินการให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถบ่งชี้ตัวบุคคล เพื่อที่ท่านจะไม่สามารถถูกบ่งชี้ตัวตนจากข้อมูลนั้นได้อีกต่อไป ทั้งนี้ภายใต้ภาระหน้าที่การดำรงข้อมูลไว้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

8. บริษัทฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทฯ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะตามความจำเป็น และเหมาะสม นอกจากนี้ผู้บริหาร พนักงาน ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทฯ กำหนด

9.สิทธิของเจ้าของข้อมูล

สิทธิของเจ้าของข้อมูล หมายถึงสิทธิตามกฎหมายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งท่านอาจขอใช้สิทธิเหล่านี้กับบริษัทฯ ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและกระบวนการจัดการสิทธิของบริษัทฯ ดังนี้

9.1      สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัทฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่างๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้นเพื่อประโยชน์ ของท่านจึงควรศึกษา และสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

9.2      สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

      ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านว่ามาได้อย่างไร

9.3      สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

           ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้น ต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทฯ ได้ตามความประสงค์ ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัทฯ หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการของบริษัทฯ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

9.4      สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

ท่านมีสิทธิในการขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นทำขึ้นเพื่อประโยชน์ โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถ คาดหมาย ได้อย่างสมเหตุสมผล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทฯ สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมายตามแต่กรณี

           นอกจากนี้ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุ ประสงค์ เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย

9.5      สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอเพิกถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูล ตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

9.6      สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราวในกรณีที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือกรณีที่บริษัทฯ หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้แทน

9.7      สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด โดยท่านสามารถปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขั้นตอนของบริษัทฯ

9.8      สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านตามข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทฯ อาจปฏิเสธ หรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้น ของท่านได้ เช่น บริษัทฯ จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธินั้นๆ อาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัทฯ จำเป็นต้องใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัทฯ จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบ

หากท่านต้องการใช้สิทธิตามข้างต้น ท่านสามารถยื่นคำขอมายังบริษัทฯ โดยติดต่อที่ บริษัทฯ เพื่อขอรับแบบคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการประกาศข้อมูลลงในเว็บไซต์ของบริษัทฯ

11. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ เพื่อเสนอแนะ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่

 

บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน จำกัด

ฝ่ายพัฒนาธุรกิจสื่อสารองค์กร

เลขที่ 231 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท

เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

โทรศัพท์  02-618-4663  

E-Mail: info@twelvevictory.com

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เลขที่ 231 ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท

เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400  

โทรศัพท์ : 02-618-4663 

E-Mail: dpo@twelvevictory.com

นโยบายความเป็นส่วนตัว

เว็บไซต์ของเราจะจัดเก็บคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ทาง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล